หัวข้อ   “ ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 3-6 เดือนข้างหน้า
        ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และจะแย่ลงอีก
ใน 3 เดือนข้างหน้า หลังจากนั้น เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นโดยได้รับอานิสงค์จากภาคส่งออก ขณะที่วัฏจักร
เศรษฐกิจมีการเคลื่อนเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น
 
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
                  ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 32 แห่ง
จำนวน 60 คน เรื่อง “ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 3-6
เดือนข้างหน้า”
โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 8 – 17 มกราคม ที่ผ่านมา สรุปได้ว่า
 
                  ค่าดัชนีความเชื่อมั่นของนักเศรษฐศาสตร์ที่มีต่อสถานะเศรษฐกิจไทย
ในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 36.99 เป็น 17.85
ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับจากมีการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์
(หรือต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง) และการที่ค่าดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ค่อนข้างมาก
สะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
 
                  ด้านดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจใน 3 เดือนข้างหน้า ค่าดัชนีปรับตัวลดลง
จากการสำรวจครั้งก่อนหน้าและอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 สะท้อนให้เห็นแนวโน้มเศรษฐกิจ
จะแย่ลงอีกในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ส่วนดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจในระยะ 6 เดือนข้างหน้า
แม้ค่าดัชนีจะปรับตัวลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนหน้าเช่นเดียวกัน แต่การที่ค่าดัชนียังคงอยู่
ในระดับที่สูงกว่า 50 สะท้อนเห็นเห็นถึงความเชื่อมั่นที่คาดว่าเศรษฐกิจในระยะ 6 เดือน
ข้างหน้าน่าจะดีขึ้นกว่าปัจจุบัน
 
                  เมื่อพิจารณาปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่จะคอยประคองเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวคือ
การส่งออก การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่ปัจจัยด้านการใช้จ่าย
และการลงทุนภาครัฐจะยังคงเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจต่อไป
 
                  ด้านความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ในประเด็นวัฏจักรเศรษฐกิจว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงใดของ
วัฏจักร พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 67 เห็นว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงถดถอย รองลงมาร้อยละ10 เห็นว่าอยู่ในช่วงขยายตัว
ร้อยละ 5 เห็นว่าอยู่ในช่วงตกต่ำ (Trough) และร้อยละ 2 เห็นว่าอยู่ในช่วงรุ่งเรือง (Peak) เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจ
ครั้งก่อนหน้าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แล้วแบ่งวัฏจักรออกเป็น 2 ฟาก คือ ฟากเศรษฐกิจขยายตัวจนถึงจุดสูงสุด และ
ฟากเศรษฐกิจถดถอยจนถึงจุดต่ำสุด จะพบว่า วัฏจักรมีการเคลื่อนเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น
 
                  ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า
  (1) เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ในสถานที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก และจะแย่ลงอีก
     ใน 3 เดือนข้างหน้า
  (2) เศรษฐกิจไทยในระยะ 6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นโดยภาคการส่งออกจะเป็นปัจจัยสำคัญ
     ที่คอยประคองเศรษฐกิจไม่ให้แย่ลงไปกว่านี้ ส่วนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐจะยังคง
     เป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจต่อไป
  (3) วัฏจักรเศรษฐกิจมีการเคลื่อนเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น
 
                  โปรดพิจารณารายละเอียดของผลสำรวจดังต่อไปนี้
 
            ภาพที่ 1 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทย (จำแนกตามดัชนี)
 
 
 
             ตารางที่ 1 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน

ปัจจัยขับเคลื่อน
เศรษฐกิจ
ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
2555
2556
2557
ม.ค.
เม.ย.
ก.ค.
ต.ค.
ม.ค.
เม.ย.
ก.ค.
ต.ค.
ม.ค.
1) การบริโภค
    ภาคเอกชน
32.39
48.31
50.00
59.23
68.97
68.10
21.31
17.80
11.02
2) การลงทุนภาค
    เอกชน
20.71
44.07
46.67
51.52
55.08
62.28
21.31
28.81
14.41
3) การใช้จ่ายและ
    การลงทุนภาครัฐ
45.71
57.14
51.69
46.21
61.40
59.82
43.33
45.61
16.38
4) การส่งออก
    สินค้า
20.00
36.21
23.77
11.36
24.58
19.49
13.11
13.56
15.25
5) การท่องเที่ยว
    จากต่างประเทศ
23.24
50.85
55.74
57.58
73.73
73.73
72.95
79.17
32.20
ดัชนีรวม
28.41
47.31
45.57
45.18
56.75
56.68
34.40
36.99
17.85
หมายเหตุ : ค่าดัชนีจะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดย
  ค่าดัชนีเท่ากับ 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ใน
สถานะปกติ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ
เดิม/ไม่เปลี่ยนแปลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเทียบกับปัจจุบัน)
  ค่าดัชนีสูงกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ใน
สถานะแข็งแกร่ง (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ใน
ระดับ ดีขึ้น (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเทียบกับปัจจุบัน)
  ค่าดัชนีต่ำกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ใน
สถานะอ่อนแอ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ
แย่ลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเทียบกับปัจจุบัน)
 
 
             ตารางที่ 2 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 3 เดือนข้างหน้า
                            (เปรียบเทียบกับปัจจุบัน)

ปัจจัยขับเคลื่อน
เศรษฐกิจ
ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจ
ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
2555
2556
2557
ม.ค.
เม.ย.
ก.ค.
ต.ค.
ม.ค.
เม.ย.
ก.ค.
ต.ค.
ม.ค.
1) การบริโภค
    ภาคเอกชน
62.14
56.03
57.63
50.78
61.61
50.00
30.83
45.00
35.96
2) การลงทุนภาค
    เอกชน
69.57
58.62
51.72
41.41
52.59
51.82
31.90
51.69
28.18
3) การใช้จ่ายและ
    การลงทุนภาครัฐ
71.64
75.00
70.34
57.38
66.36
67.59
49.14
64.66
25.00
4) การส่งออก
    สินค้า
54.41
65.79
42.37
30.16
55.36
34.82
32.50
55.08
66.10
5) การท่องเที่ยว
    จากต่างประเทศ
59.29
56.78
58.33
56.15
63.79
50.00
63.11
79.17
42.98
ดัชนีรวม
63.41
62.44
56.08
47.18
59.94
50.85
41.50
59.12
39.65
 
 
             ตารางที่ 3 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 6 เดือนข้างหน้า
                            (เปรียบเทียบกับปัจจุบัน)

ปัจจัยขับเคลื่อน
เศรษฐกิจ
ดัชนีคาดการณ์เศรษฐกิจ
ในอีก 6 เดือนข้างหน้าเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
2555
2556
2557
ม.ค.
เม.ย.
ก.ค.
ต.ค.
ม.ค.
เม.ย.
ก.ค.
ต.ค.
ม.ค.
1) การบริโภค
    ภาคเอกชน
68.84
62.28
55.21
49.11
61.76
50.00
50.00
61.21
53.70
2) การลงทุนภาค
    เอกชน
81.82
67.31
55.00
48.15
56.73
62.04
45.54
70.18
50.93
3) การใช้จ่ายและ
    การลงทุนภาครัฐ
75.00
75.93
61.82
60.83
70.41
81.13
60.71
79.09
40.74
4) การส่งออก
    สินค้า
62.12
67.59
44.23
37.50
64.15
47.92
47.27
67.80
77.68
5) การท่องเที่ยว
    จากต่างประเทศ
73.19
68.10
62.73
48.39
66.04
56.48
72.81
80.17
57.14
ดัชนีรวม
72.19
68.24
55.80
48.80
63.82
59.51
55.27
71.69
56.07
 
 
             ตารางที่ 4 ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน 3 - 6 เดือนข้างหน้า

 
3 เดือนข้างหน้า
6 เดือนข้างหน้า
ปัจจัยขับเคลื่อนที่เชื่อมั่นว่า
จะดีขึ้น
เมื่อเที่ยบกับปัจจุบัน
การส่งออกสินค้า
การส่งออกสินค้า
การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
การบริโภคภาคเอกชน
การลงทุนภาคเอกชน
ปัจจัยขับเคลื่อนที่เชื่อมั่นว่า
จะทรงตัว
เมื่อเที่ยบกับปัจจุบัน
-ไม่มี-
-ไม่มี-
ปัจจัยขับเคลื่อนที่เชื่อมั่นว่า
จะแย่ลง
เมื่อเที่ยบกับปัจจุบัน
การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
การลงทุนภาคเอกชน
การบริโภคภาคเอกชน
การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
 
 
             ตารางที่ 5 วัฏจักรเศรษฐกิจ

วัฏจักรเศรษฐกิจ
กรกฎาคม 56
ตุลาคม 56
มกราคม 57
เศรษฐกิจรุ่งเรือง (Peak)
8%
2%
2%
เศรษฐกิจถดถอย (Contraction / Recession)
63%
63%
67%
เศรษฐกิจตกต่ำ (Trough)
3%
5%
5%
เศรษฐกิจขยายตัว (Expansion / Recovery)
13%
18%
10%
ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
13%
12%
16%
 
 

** หมายเหตุ:  รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้   เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของ
                     นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด

 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ:
                  เพื่อสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันและทิศทาง
ในอนาคตอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้า รวมถึงวัฏจักรเศรษฐกิจ
 
กลุ่มตัวอย่าง:

                        เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์
(กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องมี
ประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปี
จนถึงปัจจุบัน) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ จำนวน 32 แห่ง ได้แก่
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ สถาบันวิจัย
เพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำนักงาน
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย บริษัทหลักทรัพย์
เอเชียพลัส บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป บริษัทหลักทรัพย์ภัทร บริษัทหลักทรัพย์เคเคเทรด
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย คณะเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยทักษิณ สำนักวิชาการจัดการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง
คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัย
ศรีนครินทร์วิโรฒ คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  การสำรวจนี้เป็นการวิจัยโดยการเลือกตัวอย่างประชากรโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น (Non-probability
sampling) แต่ละหน่วยตัวอย่างที่จะได้รับการเลือก จึงเป็นการเลือกตัวอย่างประชากรแบบเจาะจง (Purposive sampling)
และดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายในระยะเวลา
ที่กำหนด
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  8 – 17 มกราคม 2557
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 21 มกราคม 2557
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่:    
             หน่วยงานภาครัฐ
23
38.3
             หน่วยงานภาคเอกชน
26
43.3
             สถาบันการศึกษา
11
18.4
รวม
60
100.0
เพศ:    
             ชาย
34
56.7
             หญิง
26
43.3
รวม
60
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 25 ปี
2
3.3
             26 – 35 ปี
21
35.0
             36 – 45 ปี
20
33.3
             46 ปีขึ้นไป
17
28.4
รวม
60
100.0
การศึกษา:
 
 
             ปริญญาตรี
3
5.0
             ปริญญาโท
44
73.3
             ปริญญาเอก
13
21.7
รวม
60
100.0
ประสบการณ์ทำงาน:
 
 
             1 - 5 ปี
11
18.3
             6 - 10 ปี
16
26.7
             11 - 15 ปี
10
16.7
             16 - 20 ปี
7
11.7
             ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
16
26.6
รวม
60
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
Email: bangkokpoll@bu.ac.th      โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776